นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการฯ) รวมถึงการใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ และเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม มีมติเห็นชอบให้ใช้การโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนเป็นช่องทางการโอนเงินสดให้แก่ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ
แทนการโอนเงินผ่านช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งปัจจุบันการให้สิทธิสวัสดิการสำหรับผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ จะเป็นการตั้งวงเงินสิทธิในบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น โดยจะไม่มีการโอนเงินสด ยกเว้นเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการเดือนละ 200 บาท เฉพาะผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ที่ได้รับเบี้ยความพิการจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เดือนละ 800 บาท และจะได้รับเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการเดือนละ 200 บาท ทุกวันที่ 20 ของแต่ละเดือน
เช็กสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ยืนยันตัวตนเดือน พ.ค.66
"มิ.ย.รู้ผล" ผู้ยื่นอุทธรณ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใน 1 พฤษภาคม 66
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 คณะกรรมการฯ ได้มีการกำหนดแนวทางการโอนเงินสำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ (ที่ยังไม่สามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนได้) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. กลุ่มผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการที่ได้รับเบี้ยความพิการของ อปท. เดือนละ 800 บาทและผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ซึ่งจะได้รับเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการอีกเดือนละ 200 บาท จำนวนทั้งสิ้น 1,138,257 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มีนาคม 2566) กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง จะดำเนินการโอนเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการเดือนละ 200 บาท ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้
1.1 โอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ (กรณีผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ มีบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน ณ วันที่ 27 มีนาคม 2566) จำนวน 871,270 ราย ซึ่งกลุ่มนี้ได้รับเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมาแล้ว
1.2 โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเดิมที่ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ใช้รับเบี้ยความพิการจาก อปท. เดือนละ 800 บาท (กรณีไม่สามารถรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ตามข้อ 1.1) มีจำนวน 233,489 รายโดยกลุ่มนี้จะได้รับเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 ในเดือนพฤษภาคม 2566 (รวมเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการ 2 เดือน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 400 บาท)
1.3 ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ที่รับเบี้ยความพิการจาก อปท. เดือนละ 800 บาทเป็นเงินสด จะโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่เปิดและผูกกับเลขประจำตัวประชาชนขึ้นมาใหม่ โดยขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน ลงพื้นที่เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากและผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนให้แก่ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ หรือผู้รับมอบอำนาจรับเบี้ยความพิการของ อปท. แทนผู้พิการ จำนวน 33,498 ราย ซึ่งกลุ่มนี้หากดำเนินการเปิดบัญชีและผูกบัญชีพร้อมเพย์แล้ว จะได้รับเงินเพิ่มเติมเบี้ยความพิการเดือนละ 200 บาท ย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นไป
2. กลุ่มผู้พิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถเดินทางไป เปิดบัญชีเงินฝากและผูกบัญชีพร้อมเพย์ได้
2.1 โอนเข้าบัญชีร่วมของผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯที่เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุ กับผู้ดูแล โดยมีรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
2.1.1 ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ ต้องกรอกข้อมูลและลงลายมือชื่อในหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่น (เอกสารแนบ 1)
2.1.2 ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ ต้องส่งหนังสือให้ความยินยอมดังกล่าวให้กรมบัญชีกลาง (สำหรับกรุงเทพมหานคร) หรือสำนักงานคลังจังหวัด (สำหรับต่างจังหวัด)
2.2 โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับความยินยอมจากผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุ ให้รับโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีเงินฝาก แทน โดยมีรายละเอียดขั้นตอน ดังนี้
2.2.1 ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ ต้องกรอกข้อมูลและลงลายมือชื่อในหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีบุคคลอื่น (เอกสารแนบ 2)
2.2.2 ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ ต้องส่งหนังสือให้ความยินยอมดังกล่าวให้กรมบัญชีกลาง (สำหรับกรุงเทพมหานคร) หรือสำนักงานคลังจังหวัด (สำหรับต่างจังหวัด)
ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อ 2.1 และข้อ 2.2 ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ จะต้องจัดส่งเอกสารทั้งหมดให้กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด ดังนี้
1) หนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่น (การดำเนินการตามข้อ 2.1) หรือหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีบุคคลอื่น (การดำเนินการตามข้อ 2.2) โดยผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ สามารถดาวน์โหลดหนังสือให้ความยินยอมได้จากเว็บไซต์ของโครงการฯ ได้ที่ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th หรือติดต่อขอรับจากหน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วยทั่วประเทศ
2) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
3) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัญชีร่วม (การดำเนินการตามข้อ 2.1) หรือสำเนา บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับเงินโอนสวัสดิการแทน (การดำเนินการตามข้อ 2.2) พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
4) เอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ และผู้ถือบัญชีร่วม (การดำเนินการตามข้อ 2.1) หรือผู้รับเงินโอนสวัสดิการแทน (การดำเนินการตามข้อ 2.2) เช่น สำเนาสูติบัตร สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาเอกสารทางราชการอื่นที่สามารถแสดงความสัมพันธ์ได้ เป็นต้น พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
5) สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์/สะสมทรัพย์/เผื่อเรียก/กระแสรายวัน (ยกเว้นประเภทเงินฝากประจำ/ออมทรัพย์พิเศษ/บัญชีที่มีเงื่อนไข) ที่จะรับเงินสวัสดิการ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
6) ใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)
3คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. กลุ่มบุคคลล้มละลาย
หากกระทรวงการคลังมีมาตรการหรือโครงการที่ชัดเจนที่จะต้องโอนเงินสวัสดิการให้บุคคลล้มละลายที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ บุคคลล้มละลายที่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ จะต้องติดต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อขอเปิดบัญชีเงินฝากสำหรับการรับเงินสวัสดิการตามโครงการฯ ต่อไป ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 67 (1) และมาตรา 67 (2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
โฆษกกระทรวงการคลังเน้นย้ำว่า แนวทางการโอนเงินสำหรับผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ ตามข้อ 2 และข้อ 3 จะเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับมาตรการหรือโครงการใด ๆ ที่ภาครัฐอาจจะให้ความช่วยเหลือเป็นเงินโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในอนาคตเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิสามารถติดตามข่าวสารโครงการฯ สำหรับสวัสดิการต่าง ๆ ในอนาคตได้จากเว็บไซต์ของโครงการฯ ได้ที่ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th