วันนี้ 25 พ.ค. 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาให้ความเห็นประเด็นการจับมือจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ โดยมองว่า ตอนนี้มีการปั่นกระแส สร้างเงื่อนไข ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย โดยมือที่ 3 โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการแย่งที่นั่งประธานสภาฯ ที่มองว่า ตามธรรมเนียมแล้วไม่ควรไปโหวตกัน
สิ่งที่ประชาชนเห็น ต่อหน้าอาจเหมือนพรรคเพื่อไทย สนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นอย่างดี แต่ลับหลังกลับมีปัญหากัน ตั้งแต่เรื่องที่นั่งประธานสภาฯ
เลือกตั้ง 2566 : "เศรษฐา" ยัน ยังไม่มีดีลนั่งตำแหน่งการเมือง
เลือกตั้ง 2566 : "วันนอร์" เตือน ส.ว.หมดเวลาตอบแทนคุณ"คนแต่งตั้ง" คำพูดจาก เว็บสล็อต ดีที่สุดในไทย
นายชูวิทย์ ใช้คำว่า พรรคเพื่อไทย คือ “ทีมคนแก่” ที่มีเขี้ยวเล็บ ประสบการณ์สูง เมื่อสามารถต่อรองกระทรวงเกรดเอได้แล้วทั้ง กระทรวงคมนาคม , พลังงาน , อุตสาหกรรม และเกษตรฯ ก็ควรยกตำแหน่งนี้ให้ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็น “ทีมคนหนุ่ม” และจำเป็นต้องมีเก้าอี้ประธานสภาฯ ในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ซึ่งหากสุดท้ายไม่ได้ไปต่อ เช่นติดเงื่อนไข สว. หรือ หุ้นไอทีวี พรรคก้าวไกล ก็มีแคนดิเดตนายกฯ แค่คนเดียว ต่อไปก็ต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย อยู่ดี พรรคเพื่อไทย ไม่จำเป็นต้องกลัว
แต่ตอนนี้มีความพยายามในการที่จะทำให้แตกแยกกัน ทำให้เห็นรอยร้าว ทั้งกรณีการแสดงท่าทีไม่พอใจของ นพ.ชลน่าน ที่ดูไม่เป็นตัวเอง หรือกลุ่มผู้สนับสนุนที่จะออกมาเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
นายชูวิทย์ อ้างว่า ตัวเองได้ข่าวมาว่า ตอนนี้มีคนคิดแผน 2 ไว้แล้ว และ มีการไปคุยกันที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง สนามกอล์ฟ ชื่อย่อ “พ.” อยู่ใน จ.ปทุมธานี โดยในวันนั้น มีตัวแทนของ 2 พรรค คือ พรรคสีแดง และพรรคนามแฝง “น.” ไปนั่งคุยกันเตรียมแผน 2 รองรับ หากก้าวไกล กับ เพื่อไทยแตกกัน จนพรรคก้าวไกลถอยกลับไปเป็นฝ่ายค้าน สุดท้ายที่เหลือมาจับมือจัดตั้งรัฐบาลกัน ก็คือการกลับไปเล่นการเมืองแบบเดิม
นายชูวิทย์ บอกว่า ในส่วนตัวยังมองว่าพรรคเพื่อไทย ต้องจับมือกับพรรคก้าวไกล เพื่อไปต่อ แต่หากไปรวมกับพรรคอื่นๆในฝ่ายอำนาจเก่า อย่างพรรคภูมิใจใจไทย ประชาธิปัตย์ หรือ พลังประชารัฐ แล้วผลักก้าวไกลให้ไปเป็นฝ่ายค้าน สุดท้ายเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ คนก็จะเทคะแนนไปให้พรรคก้าวไกล เพราะปัจจุบันประชาชนต้องการการเมืองแบบใหม่ ที่ไม่มีการเล่นเกมส์แบบเก่า ทั้ง 2 พรรคถูกเลือกมาเป็นอันดับ 1 และ 2 ก็ควรต้องจับมือกันและยังหวังแบบนั้นอยู่
สอดคล้องกับเมื่อวันก่อน ที่ ทีมข่าวของเราได้พูดคุยกับ คุณ ชูวิทย์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องอำนาจทางการเมือง ขั้วเก่า ขั้วใหม่ ซึ่ง นายชูวิทย์ บอกว่า ตอนนี้กลุ่มอำนาจเดิม ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ยังไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะ บิ๊กตู่ จะเห็นได้ชัดว่า ในทางการเมือง ท่านอยู่มา 8-9 ปีแล้ว ความเป็นจริงท่านต้องไปแล้ว แต่ด้วยเพราะอำนาจ และ คนรอบข้างยังสนับสนุน เช่นเดียวกับ บิ๊กป้อม
ดังนั้น ตนเอง เชื่อว่า ทั้ง 2 คน ยังอยู่ต่อ และ สู้ต่อไม่ยอมแพ้ อย่างน้อยๆ ก็จนกว่า นายพิธา จะเป็นนายกฯ ไปสัก 1 ปี แล้วไม่มีอะไร ถึงวันนั้น ทั้ง 2 ก็จะไป แต่ตอนนี้ยังไม่ยอม
นายชูวิทย์ บอกอีกว่า ตอนนี้สำหรับตนเอง ยังมองไม่เห็นภาพ นายพิธา เป็นนายกฯ ก็เพราะว่ามันมีอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มอำนาจเก่า ที่ไม่ยอมสละ และ ไม่ยอมวางมือ